นับจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มเกิดขึ้น ประมาณ 1 ปีกว่าที่ผ่านมา หนึ่งในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจไทยยังนับได้ว่าโชคดีคือ ราคาผลผลิตการเกษตรของไทยยังอยู่ในเกณฑ์สูง
แต่ความโชคดีดังกล่าวกำลังจะหมดไป เมื่อราคาสินค้าเกษตรที่สำคัญเช่น ข้าว ได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา (รายละเอียดดูในบทความก่อนหน้า) และล่าสุด ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมเป็นต้นมา สถานการณ์ราคาผลไม้ (และพืชสวน) ที่เกษตรกรขายได้ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ลดต่ำลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม 2564 โดยข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร แสดงให้เห็นว่า
- ทุเรียนหมอนทอง มีราคาลดลงจาก 140.98 บาท/กก. ในเดือนมิถุนายน 2564 เหลือ 88.73 บาท/กก. ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ก่อนจะราคาจะร่วงต่อเหลือเพียง 71.06 บาท/กก. ในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม 2564หรือประมาณครึ่งหนึ่งของราคาเดือนมิถุนายนเท่านั้น
- มังคุดคละ มีราคาลดลง 74.22 บาท/กก. ในเดือนมิถุนายน 2564 เหลือ 11.99 บาท/กก. ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม ก่อนจะราคาจะร่วงต่อเหลือเพียง 10.13 บาท/กก. ในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม 2564 ซึ่งในบางพื้นที่อาจขายได้ในราคาต่ำกว่านี้อีก ตามที่ปรากฏเป็นข่าว
- เงาะโรงเรียน ราคาลดลงอย่างรวดเร็ว จากราคา 23.00 บาท/กก. ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนกรกฎาคม เหลือเพียง 14.19 บาท/กก. ในสัปดาห์ต่อมา และยังลดลงต่อเนื่อง เหลือเพียง 9.77 บาท ในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม 2564 หรือราคาเงาะโรงเรียนที่เกษตรกรขายได้ลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งภายใน 2 สัปดาห์เท่านั้น
- มะพร้าวผลใหญ่ ราคาลดลงจาก 10.40 บาท/ผลในเดือนมิถุนายน ลดลงมาเหลือ 8.40 บาท/ผลในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคม และยังลดลงต่อเนื่องเหลือเพียง 8.01 บาท/ผล ในสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมนี้
ราคาผลไม้ (และพืชสวน) ที่เกษตรกรขายได้ที่ลดลงอย่างมากตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 เป็นต้นมา เกี่ยวพันกับมาตรการล็อคดาวน์ในพื้นที่สีแดงเข้ม ซึ่งเป็นพื้นที่สำคัญทางการตลาด เช่น กรุงเทพและปริมณฑล ทำให้กำลังซื้อและโอกาสในการเลือกซื้อของผู้บริโภคจำกัดตัวลงอย่างรวดเร็ว ประกอบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีการแพร่กระจายของเชื้ออย่างรวดเร็วและกว้างขวาง จนกระทบกับทั้ง (ก) ตลาดขายส่งที่สำคัญ เช่น ตลาดไท หรือตลาดขายส่งภายในพื้นที่ (ข) การจัดส่งของธุรกิจเดลิเวอรี่ ที่มีขีดความสามารถในการจัดส่งลดลง จนบางแห่งงดรับส่งผลไม้ในช่วงนี้ และ (ค) การแพร่ระบาดแบบคลัสเตอร์ของโรงงานผลไม้แปรรูปบางแห่ง
รัฐบาลจึงควรเข้ามาช่วยพยุงราคาผลไม้โดยเร่งด่วนที่สุด ด้วยการจัดซื้อและระบายผลไม้ไปยังจุดให้บริการต่างๆ ทั้งจุดบริการโควิด-19 เช่น จุดพักคอย จุดของโรงงานหรือสถานประกอบการที่ทำ Bubble & Seal รวมถึง แคมป์คนงาน จุดบริการฉีดวัคซีน และอื่นๆ ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อพยุงราคาสินค้าผลไม้เอาไว้ โดยอาจดำเนินการ ทั้งในรูปของการแจกฟรี (เช่น มังคุดหรือเงาะ) และในรูปแบบของการขายในราคาถูก (เช่น ทุเรียน)
ขณะเดียวกัน รัฐบาลควรชะลอการนำเข้าสินค้าที่แข่งขันกันจากต่างประเทศ เช่น กะทิแช่แข็งจากต่างประเทศ (เวียดนาม) ไว้ก่อน เพื่อมิให้ซ้ำเติมราคามะพร้าวภายในประเทศ
