
เดชรัต สุขกำเนิด
ล่าสุดในเวทีของคณะกรรมาธิการเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร ณ จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2568 ได้มีเสียงสะท้อนจากเกษตรกรรุ่นใหม่ (หรือ young smart farmers) ของจังหวัดสกลนคร 2 ท่าน คือ นายสุริยา อัมไพ เกษตรกรรุ่นใหม่ และสมาชิกสภาเกษตรกร อ.ภูพาน และนายธนวัชร์ ศรีกาลา เกษตรกรรุ่นใหม่ อ.บ้านม่วง เจ้าของฟาร์มแปรรูปข้าว ได้ร่วมกันสะท้อนปัญหาว่า
“ปัญหาใหญ่ที่ผมเจอและเห็นจาก Young Smart Farmers หลายๆ รุ่น คือปัญหาช่วง “กลางน้ำ ครับ เพราะแม้จะมีการอบรมให้ความรู้มากมาย แต่ Young Smart Farmer อย่างพวกเรา ขาดพื้นที่สำหรับทดลอง เหมือนเป็นห้องเรียนให้เราได้ลงมือทำจริง การจะริเริ่มทำอะไรใหม่ๆ มันต้องมีการทดลอง ซึ่งต้องใช้งบประมาณมาก”
พร้อมกันนี้ เกษตรกรทั้งสองก็ได้เสนอว่า “การแปรรูปเป็นการลงทุนที่สูงมาก ทางออกที่ผมมองคือ การมี “โรงงานกลาง” ประจำจังหวัด ครับ โรงงานนี้จะทำหน้าที่ช่วยแปรรูปวัตถุดิบ และ “สร้างพื้นที่” ให้เกษตรกรรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และทดลองทำจริงจากเกษตรกรไปแปรรูปให้ได้มาตรฐาน แล้วให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนนำไปติดแบรนด์ของตัวเองได้ โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนสูงตั้งแต่เริ่มต้น
Think Forward Center จะนำเสนอให้เห็นว่า ข้อเสนอดังกล่าวมีความสำคัญ และความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน? เพียงใด? และจะสามารถทำให้เกิดขึ้นได้จริงอย่างไรบ้าง?

ภาพจากซ้ายไปขวา นายธนวัชร์ ศรีกาลา เกษตรกรรุ่นใหม่ อ.บ้านม่วง เจ้าของฟาร์มแปรรูปข้าว และนายสุริยา อัมไพ เกษตรกรรุ่นใหม่ และสมาชิกสภาเกษตรกร อ.ภูพาน จ.สกลนคร
สถานการณ์ปัญหา: ผลิตมาก แปรรูปได้น้อย
แม้ประเทศไทยจะมีความเข้มแข็งด้านการผลิตสินค้าเกษตรหลากหลายชนิด แต่เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยมักเผชิญข้อจำกัดสำคัญในการ “แปรรูปสินค้าเกษตร” เพื่อยืดอายุ เพิ่มมูลค่า หรือเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ ได้แก่:
- ขาดการเข้าถึงเครื่องจักรแปรรูปขั้นพื้นฐาน ซึ่งมักมีมูลค่าสูงเกินกว่าที่เกษตรกรรายย่อยหรือกลุ่มวิสาหกิจชุมชนจะลงทุนได้
- การแปรรูปที่ไม่ได้มาตรฐาน (เช่น ไม่ผ่าน GMP หรือสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน) ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์จำนวนมากไม่สามารถเข้าสู่ตลาดที่มีกำลังซื้อสูง เช่น modern trade หรือส่งออก
- ต้นทุนต่อหน่วยของผลิตภัณฑ์แปรรูปยังสูงและตลาดไม่นิ่ง เพราะการแปรรูปแบบกระจัดกระจาย ไม่สามารถควบคุมคุณภาพหรือขนาดการผลิตที่เหมาะสมได้
- การกระจายตัวของเครื่องจักรและศูนย์แปรรูปที่ไม่มีระบบกลาง ทำให้การใช้เครื่องจักรของภาครัฐ มหาวิทยาลัย หรือโรงงานเอกชนจำนวนมากไม่เต็มประสิทธิภาพ และมักเหลือช่วงเวลาว่างที่ไม่ได้ใช้
ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ เกษตรกรยังคงขายวัตถุดิบในราคาต่ำ ขณะที่ศักยภาพของสินค้าเกษตรไทยจำนวนมากยังไม่สามารถต่อยอดไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงได้อย่างเต็มที่ และเกษตรกรรุ่นใหม่ก็ไม่สนใจที่จะดำเนินอาชีพเกษตรกรต่อไป
ที่มาของแนวความคิด
จากการรับฟังข้อเสนอของเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน นักวิจัย และผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศ พบว่ามีความต้องการศูนย์แปรรูปสินค้าเกษตรแบบใช้ร่วม (Shared Processing Facility) ที่สามารถเข้าถึงได้จริง มีต้นทุนการใช้ต่ำ และเชื่อมโยงกับตลาดอย่างเป็นระบบ
โดยแนวคิดนี้ไม่ได้มุ่งเพียงการจัดหาเครื่องจักร แต่เน้นไปที่การใช้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิม เช่น:
- เครื่องมือของมหาวิทยาลัยที่มีคณะเทคโนโลยีการอาหาร
- ศูนย์แปรรูปของรัฐหรือโครงการเดิมที่ยังไม่ได้ใช้เต็มประสิทธิภาพ
- โรงงานเอกชนที่มีช่วงว่างในนอกฤดูการผลิตผลิตภัณฑ์หลัก
เมื่อผสานเข้ากับแนวคิดการบริหารจัดการแบบแพลตฟอร์ม (platform economy) และระบบจูงใจ เช่น การให้รางวัลแก่ผู้ให้บริการที่สนับสนุนผู้ประกอบการประสบความสำเร็จ ก็จะสามารถสร้างโครงสร้างพื้นฐานใหม่แบบ “ประหยัด ลงตัว และกระจายโอกาส” ได้อย่างยั่งยืน
ตัวอย่างที่มีการดำเนินการในประเทศไทยและต่างประเทศ
แนวความคิดในลักษณะนี้ มิได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกแต่เคยมีประสบการณ์ในการดำเนินงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่น่าจะนำมาศึกษากันดังนี้
- ศูนย์ Food Innopolis – ปทุมธานี
Food Innopolis เป็นศูนย์นวัตกรรมด้านอาหารของรัฐบาลตั้งแต่ปี 2016 ภายใต้แนวคิด มีเครื่องมือครบ เช่น ห้องแล็บ, เครื่อง Freeze-dry, packaging machines พร้อมสิทธิ์ BOI แก่ผู้ประกอบการทุกระดับ ช่วยให้ SMEs ทดลองผลิตแบบไม่ต้องลงทุนเครื่องจักรเอง พร้อมทั้งยังทำหน้าที่เป็น “พี่เลี้ยง” (mentor) และ “ตัวเร่ง” (accelerator) ที่ช่วยดูแลและสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเติบโตในตลาด โดยให้บริการแบบ One Stop Service ที่ครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่การสร้างสรรค์ไอเดียไปจนถึงการตลาด โดยมีผลลัพธ์คือ
- มีบริษัทเข้าร่วมจำนวนมาก (เฉพาะในพื้นที่ science park ถึง 32 แห่ง)
- สนับสนุนทั้ง R&D และต้นแบบสินค้า ตัวอย่างเช่น
- สาโทข้าว กข. 43 แบบไม่มีแอลกอฮอล์ เพื่อเจาะตลาดที่กว้างขึ้น รวมถึงตลาดฮาลาล
- ซีเรียลกล้วยดิบที่ช่วยบรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหารหรือกรดไหลย้อน
- เม็ดฟู่จากสมุนไพรไทย (เช่น ขมิ้น, กระชายดำ) ผสมผลไม้ ซึ่งเป็นเจ้าแรกของโลก
- โปรตีนผงจากจิ้งหรีดในรูปแบบอนุภาคโปรตีนขนาดเล็ก (superfly protein) ที่ย่อยง่าย
- ไบโอแคลเซียมธรรมชาติจากกระดูกปลาทูหน้า ซึ่งมีอนุภาคขนาดเล็กและใกล้เคียงกับกระดูกมนุษย์
- ขยายพื้นที่การให้บริการไปยังศูนย์ต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัยในภูมิภาค
- การจัดทำรายการเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่สามารถเข้าใช้งานได้สำหรับผู้ประกอบการ
อย่างไรก็ดี แนวคิดของ Food Innopolis ยังเน้นที่การวิจัยและพัฒนาที่มีการทำงานเชิงลึกและต่อเนื่อง และอาจยังช่วยให้บริการได้ในจำนวนไม่มากนัก

ภาพจาก https://www.foodinnopolis.or.th
- Agroparks (เนเธอร์แลนด์, อิตาลี)
เนเธอร์แลนด์และอิตาลีพัฒนา “agroparks” หรือ food‑parks (คลัสเตอร์เกษตรแปรรูปครบวงจร) ที่เปิดเป็นศูนย์รวมนวัตกรรม – มีเครื่องมือห้องวิจัย ห้องแปรรูป Cold storage ระบบคัดเกรด และ logistics ภายในพื้นที่เดียว ทำให้ SMEs ลงทุนโครงสร้างได้ไม่สูง และต่อยอดได้ง่าย ทำให้สามารถเชื่อมต่อระหว่างเกษตรกร นักวิจัย และธุรกิจแปรรูปได้อย่างราบรื่น ขยายเทคโนโลยีได้เร็วขึ้น ลดการลงทุนซ้ำซ้อน และเพิ่มส่วนแบ่งตลาด
จะเห็นได้ว่า รูปแบบ Agropark ของเนเธอร์แลนด์ (โดยมหาวิทยาลัยวาเกนิงเกน) มีความคล้ายคลึงกับ Food Innopolis ของไทย ซึ่งต้องใช้การจัดการเชิงพื้นที่และการบริหารร่วมแบบมืออาชีพ
3. ศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ปศุสัตว์ กรมปศุสัตว์
องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (หรือ FAO) ร่วมกับกรมปศุสัตว์ เปิดศูนย์ฝึกอบรมแปรรูปนม ช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่เห็นตลาดใหม่ เช่น นม UHT, ไอศกรีม, โยเกิร์ต โดยไม่ต้องซื้อเครื่องแพงเอง โดยเริ่มต้นที่เชียงใหม่ ก่อนที่จะขยายไปยังปทุมธานี และมหาสารคาม รวมถึงขยายการให้บริการแปรรูปครอบคลุมการแปรูปเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ด้วย เช่น ไข่ หนังสัตว์ เป็นต้น ผลลัพธ์ที่ได้คือ เกษตรกรที่ร่วมฝึกผลิตสินค้าได้จริง และเกิดความมั่นใจเรื่องคุณภาพ เพราะผลิตจากโรงงานที่มาตรฐาน (เช่น GMP) แต่ศูนย์ยังมีข้อจำกัดเรื่องงบและบุคลากร จึงขยายผลได้ไม่ทั่วถึง
วัตถุประสงค์ของแนวนโยบาย
จากสถานการณ์ปัญหา และแนวทางที่เคยมีการดำเนินการมา ซึ่งได้กล่าวถึงไปแล้วข้างต้น จึงขอได้กำหนดวัตถุประสงค์ของแนวนโยบายนี้ไว้ดังนี้
- สร้างระบบโครงสร้างพื้นฐานการแปรรูปที่เข้าถึงได้จริง สำหรับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการรายย่อยในทุกจังหวัด
- ใช้ทรัพยากรแปรรูปที่มีอยู่เดิมอย่างเต็มประสิทธิภาพ ผ่านระบบจองใช้เครื่องจักรและโรงงานแบบออนไลน์ โดยไม่ต้องลงทุนสร้างซ้ำซ้อน
- ยกระดับคุณภาพการแปรรูปสินค้าเกษตรไทย ให้ได้มาตรฐานสุขอนามัยเบื้องต้น (เช่น GMP) พร้อมเข้าสู่ตลาดที่มีกำลังซื้อสูง
- เปิดพื้นที่ทดลองและนวัตกรรม ให้ผู้ผลิตสามารถพัฒนาสูตร ทดลองตลาด และสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ได้แบบต้นทุนต่ำ
- เชื่อมโยงผู้ใช้ – ผู้ให้บริการ – ตลาด – หน่วยงานรัฐ เข้าสู่ระบบกลางที่มีข้อมูลร่วม และสามารถวางแผนพัฒนาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“AgroProcessHub” หรือ “คลังกลางโรงงานแปรรูปเกษตรแบบออนไลน์”
แนวคิดคลังกลางโรงงานแปรรูปเกษตรแบบออนไลน์ คือ การรวบรวมรายการ (และข้อมูลทางเทคนิค) ของเครื่องจักร/เครื่องมืออุปกรณ์ในการแปรรูปสินค้าเกษตร ที่ผู้ใช้ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร สหกรณ์ วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการสามารถเข้าเลือกใช้ได้
ผู้ใช้สามารถเลือก:
- สถานที่ (location): โรงงาน, ศูนย์การแปรรูปของรัฐ, มหาวิทยาลัย
- ขนาดเครื่อง (capacity): ขนาดเล็ก (pilot), กลาง (SME), ใหญ่ (สหกรณ์/เชิงพาณิชย์)
- ช่วงเวลา (time slot): จองแบบครึ่งวัน/เต็มวัน/รายสัปดาห์
- ประเภทเครื่อง: อบแห้ง, บรรจุ, freeze-dry และอื่นๆ (ซึ่งจะแสดงในหัวข้อถัดไป)
โดยที่แต่ละฝ่ายจะมีบทบาทดังต่อไปนี้

เงื่อนไขหลักของผู้ให้บริการ
ทั้งนี้ ในการดำเนินการ ผู้บริหารแพลตฟอร์ท และผู้ให้บริการ (เจ้าของเครื่อง) จะมีการกำหนดเงื่อนไขในการให้บริการดังต่อไปนี้

ตัวอย่างฐานข้อมูลเครื่องจักรอุปกรณ์ออนไลน์ของ Food Innopolis
ทั้งนี้ Food Innopolis ก็มีการรวบรวมรายการเครื่องจักรอุปกรณ์ที่สามารถเข้าใช้งานเอาไว้ และสามารถนำมาพัฒนาต่อให้เป็น

ตัวอย่างของเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ควรมีในคลังกลางโรงงานแปรรูปประจำจังหวัด

✅ แนวคิด “เครื่องจักรหลายระดับ” มีความจำเป็นอย่างมากสำหรับคลังกลางโรงงานแปรรูป โดยตัวอย่างอาจแบ่งขนาดได้ดังนี้:

ข้อดีของโมเดลคลังกลางโรงงานแปรรูปประจำจังหวัด
แน่นอนว่า โมเดลคลังกลางโรงงานแปรรูปประจำจังหวัด อาจมีความแตกต่างจากโมเดลที่มีการสร้างโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรประจำจังหวัดขึ้นมาเองเลย ซึ่งแม้ว่าการสร้างโรงงานแปรรูปประจำหวัดจะดูเป็นข้อเสนอที่ใหญ่ และใช้การลงทุนสูง แต่ก็จะพบกับข้อจำกัดเรื่องเงินลงทุน ความคุ้มค่าในการลงทุน และระยะเวลาในการดำเนินการ ที่อาจล่าช้ายาวนานจนกว่าจะสามารถลงทุนได้อย่างทั่วถึง
และถ้าเปรียบเทียบแนวทางพัฒนาโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรประจำจังหวัด การทำตารางเปรียบเทียบ ข้อดี–ข้อเสีย ระหว่าง (ก) คลังกลางโรงงานแปรรูป (Shared Platform) กับ (ข) การสร้างโรงงานแปรรูปกลางประจำจังหวัด (New Facility) จะช่วยให้มองเห็นทางเลือกได้ชัดเจน และเข้าใจ ความคุ้มค่า และ ข้อจำกัด ของแต่ละทางเลือกมากขึ้น

แรงจูงใจภาคเอกชน
แรงจูงใจภาคเอกชนเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะหากภาคเอกชนหรือโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตร เข้าร่วมโมเดลนี้เป็นจำนวนมาก ก็จะทำให้เกษตรกรและวิสาหกิจชุมชนสามารถมีทางเลือกในการใช้เครื่องจักรเพื่อแปรรูปมีมากขึ้น
แรงจูงใจที่น่าจะเหมาะสมสำหรับภาคเอกชนก็คือ รัฐบาลจะช่วยค้ำประกันเงินกู้เพื่อซื้อ/ขยายเครื่องจักร หากเอกชนรายนั้น (และเครื่องจักรนั้น) เข้าร่วมโครงการและให้เกษตรกร/วิสาหกิจชุมชน/ผู้ประกอบการรายย่อยได้เช่า/ใช้เครื่องจักรตามกรอบที่กำหนด ซึ่งข้อดีของแรงจูงใจนี้ ภาคเอกชนไม่ต้องรับความเสี่ยงเต็ม หากต้องลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเพื่อเปิดให้บริการ ในขณะเดียวกัน ภาครัฐไม่ต้องออกเงินกู้โดยตรง แต่ออกเป็น “ประกันความเสี่ยง” ซึ่งมูลค่าต่ำกว่ามาก
ทั้งนี้ การประยุกต์ใช้กลไกแรงจูงใจนี้ จะต้องมีระบบคัดกรองผู้ขอค้ำประกัน เช่น ผ่านแพลตฟอร์ม AgroProcessHub ที่แสดงความต้องการใช้จริง และมีการกำหนดเงื่อนไขชัดเจน เช่น เปิดใช้ขั้นต่ำ 60 วัน/ปี, ผ่าน GMP, มีการบันทึกข้อมูลการใช้
แรงจูงใจสำหรับมหาวิทยาลัย
คลังกลางโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตร สามารถสร้างแรงจูงใจให้กับมหาวิทยาลัย เพราะ ช่วยกระตุ้นให้มหาวิทยาลัย “ไม่แค่เปิดพื้นที่ แต่บริหารจัดการให้เกิดผลจริง” แถมยังสนับสนุนให้มหาวิทยาลัยทำงานเชิงรุกกับชุมชน โดยมีงบประมาณสนับสนุน และสามารถเชื่อมการเรียน-วิจัย-รับใช้สังคมได้จริงในเชิงระบบได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยลักษณะแรงจูงใจสำหรับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานต่างๆ อาจเป็นดังตาราง

บทบาทของคลังกลางในการบริหารภาวะผลผลิตเกษตรล้นตลาด
นอกจากการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยแล้ว “คลังกลางโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตร” ยังสามารถเป็นเครื่องมือเชิงนโยบายที่สำคัญในการบริหารจัดการภาวะสินค้าเกษตรล้นตลาดตามฤดูกาล เช่น ทุเรียน มังคุด มะม่วง หรือสับปะรด โดยรัฐสามารถใช้ฐานข้อมูลบนแพลตฟอร์มเพื่อทราบทันทีว่ามีเครื่องจักรประเภทใด อยู่ที่ใด และมีกำลังการผลิตเท่าไรทั่วประเทศ ทำให้สามารถกำหนดเป้าหมายในการกระจายผลผลิตเข้าสู่กระบวนการแปรรูปอย่างมีประสิทธิภาพ ทันต่อสถานการณ์ ลดความสูญเสีย และเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเกษตรล้นตลาดได้อย่างแท้จริง
ความเสี่ยง และแนวทางการจัดการ
แม้ว่า นโยบายคลังกลางโรงงานแปรรูปจะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็ยังมีความเสี่ยงหลายประการที่จะต้องกำหนดแนวทางบริหารจัดการที่เหมาะสมไว้ ดังนี้

สรุป
การดำเนินนโยบายคลังกลางโรงงานแปรรูปสินค้าเกษตรประจำจังหวัด จึงเป็นนโยบายที่จำเป็นและมีประโยชน์ในหลายด้าน ทั้งในด้านการเพิ่มมูลค่าในตัวสินค้าเกษตร การรักษาเสถียรภาพของราคา และการสร้างอาชีพและผู้ประกอบการรุ่นใหม่ภายในจังหวัด โดยมุ่งเน้นการประสานการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ และการแบ่งปันทรัพยากรผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ บวกกับการลงทุนเพิ่มเติมตามความจำเป็นของแต่ละพื้นที่ ซึ่งการดำเนินนโยบายนี้ จะมีการดำเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอน โดย
- เริ่มนำร่อง 3-5 จังหวัด (เช่น เชียงใหม่, ขอนแก่น, ฉะเชิงเทรา, สกลนคร, สงขลา)
- บูรณาการกับหน่วยงานที่มีทรัพยากรอยู่แล้ว เช่น ม.แม่โจ้, ม.ขอนแก่น, โรงงานแปรรูปอาหารของเอกชน และกำหนดมาตรการแรงจูงใจที่เหมาะสมในการเข้าร่วมมาตรการ
- ตั้งกองทุนส่งเสริมความสำเร็จ (AgroInnovation Fund) ให้รางวัลทั้งผู้ใช้และผู้ให้บริการเมื่อเกิดผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และสนับสนุนการลงทุนเพิ่มเติม ทั้งในส่วนของคลังกลางโรงงานแปรรูปแต่ละจุด
- มีหน่วยกลางช่วยทำการตลาดและแหล่งเงินทุน เช่น ธนาคารเพื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และอื่นๆ รวมถึงเชื่อมกับโมเดิร์นเทรด ต่อไป เพื่อต่อยอดความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น