การศึกษานนทบุรียังดีกว่านี้ได้อีก

เดชรัต สุขกำเนิด


เมื่อปี 2565 นนทบุรีขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในการจัดอันดับดัชนีความก้าวหน้าของคน โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (หรือสภาพัฒน์ฯ) แต่ในปี 2566 นนทบุรีกลับมาอยู่ที่อันดับที่ 7 ในการจัดอันดับดัชนีความก้าวหน้าของคน ซึ่งหนึ่งในมิติที่ทำให้ความก้าวหน้าของคนของนนทบุรีร่วงลงมานั้นคือ มิติด้านการศึกษา

หากย้อนไปในปี 2563 นนทบุรีเคยมีอันดับในมิติด้านการศึกษาของดัชนีความก้าวหน้าของคนอยู่ที่อันดับที่ 18 แต่พอมาปี 2564 ก็ร่วงลงมาเป็นอันดับที่ 38 และเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยในปี 2565 เป็นอันดับที่ 30 ก่อนที่จะร่วงลงมาเป็นอันดับที่ 56 ในปี 2566

ข้อมูลนี้อาจสร้างความประหลาดใจให้กับผู้ที่ติดตามเรื่อง การศึกษาและบทบาทขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่น้อย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรีมีความพิเศษกว่าอบจ. ที่อื่นๆประการหนึ่งคือการลงทุนในด้านการศึกษา งบประมาณด้านการศึกษาในปี 2565 เท่ากับ 1,311 ล้านบาทในปี 2566 เท่ากับ 1,308 ล้านบาทและในปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 1,488 ล้านบาทหรือประมาณ 60% ของงบประมาณทั้งหมดของอบจ. จะเน้นมาที่การศึกษา

แต่ทำไมการลงทุนที่น่าชื่นชมดังกล่าวกลับยังไม่ให้ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาอย่างที่ควรจะเป็น บทความฉบับนี้จะมาเจาะลึกถึงปัญหาของการศึกษาในจังหวัดนนทบุรีว่า ยังมีช่องโหว่หรือจุดบกพร่องอยู่ตรงไหนบ้างและจะพัฒนาให้ดีขึ้นได้อย่างไร


เจาะลึกดัชนีความก้าวหน้าของคนด้านการศึกษา

ในดัชนีความก้าวหน้าของคนด้านการศึกษาในแต่ละจังหวัดเป็นการคำนวณมาจาก 4 ตัวชี้วัดสำคัญ ตัวชี้วัดแรกคือ จำนวนปีเฉลี่ยที่ได้รับการศึกษา ซึ่งคนในจังหวัดนนทบุรีได้รับการศึกษาโดยเฉลี่ยในระดับ 11.20 ปี หรือเกือบเทียบเท่าการศึกษาในระดับมัธยมปลาย ซึ่งจังหวัดนนทบุรีได้รับการจัดอันดับเป็นอันดับหนึ่งในตัวชี้วัดนี้ตลอดมา

แต่ตัวชี้วัดที่น่าสนใจคือ อันดับผลการสอบ ONET ในระดับมัธยมปลายที่จังหวัดนนทบุรีมีอันดับลดลงเรื่อยๆ จากที่เคยมีคะแนนสอบโดยเฉลี่ยอยู่ในอันดับแปดของประเทศในปี 2563 ขยับมาเป็นอันดับ 9 ของประเทศในปี 2564 และหล่นลงมาเป็นอันดับที่ 17 ในปี 2565 และล่าสุดอยู่ในอันดับที่ 25 ในปี 2566 ซึ่งนั่นอาจมีนัยว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของนนทบุรีอาจกำลังลดลงเรื่อยๆ

นอกจากนี้ ในปี 2566 นนทบุรียังมีอันดับที่ไม่ค่อยดีนักในเรื่องอัตราการเรียนต่อมัธยมปลายและอาชีวศึกษา ที่นนทบุรีอยู่ในอันดับที่ 32 (ร่วงลงมาจากอันดับที่ 18 ในปี 2563) และตัวชี้วัดการพัฒนาการที่สมวัยของเด็กอายุ 0-5 ปี ที่นนทบุรีอยู่ในอันดับสุดท้ายของประเทศ

แน่นอนว่า การพิจารณาตัวชี้วัดเพียงสี่ตัวอาจไม่ใช่ภาพสะท้อนที่ดีที่สุด ของคุณภาพทางการศึกษาของจังหวัดนนทบุรี แต่ก็ช่วยทำให้เห็นว่ามีประเด็นบางด้านที่จำเป็นจะต้องศึกษาให้ลึกซึ้งลงไป ซึ่งในบทความนี้จะได้เจาะลึกใน 3 ประเด็นด้วยกันดังนี้


ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาจากคะแนนสอบ ONET

หากพิจารณาจากผลคะแนนสอบโอเน็ตโดยเฉลี่ยของจังหวัดนนทบุรี เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของทั้งประเทศ ในแต่ละระดับการศึกษา แล้วนำมาคำนวณเป็นค่าคะแนนมาตรฐาน (หรือค่า Z score) ซึ่งเป็นค่าที่นำคะแนนเฉลี่ยของจังหวัดนนทบุรีเปรียบเทียบกับคะแนนเฉลี่ยของประเทศ โดยหากค่าคะแนนมาตรฐานของจังหวัดนนทบุรีมีค่ามากกว่าศูนย์ในวิชาใด แปลว่านนทบุรีมีผลการสอบในวิชานั้น (และในระดับชั้นนั้น) ดีกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ยิ่งค่าคะแนนมาตรฐานของจังหวัดนนทบุรีเพิ่มมากขึ้นก็แปลว่า นนทบุรีมีผลสอบที่ดีกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศมากขึ้นไปอีก

จากภาพที่ 1 แสดงให้เห็นว่า คะแนนมาตรฐานการสอบโอเน็ตโดยเฉลี่ยของจังหวัดนนทบุรีมีค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ ในทุกระดับชั้น โดยเฉพาะในวิชาภาษาอังกฤษ แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือค่าคะแนนมาตรฐานการสอบโอเน็ตของจังหวัดนนทบุรีมีค่าลดลงเรื่อยๆ ในแทบทุกวิชาและในแทบทุกระดับชั้น และบางวิชาเริ่มต้นใกล้เคียงกับศูนย์ นั่นแปลว่าความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของจังหวัดนนทบุรีที่ต่างจากค่าเฉลี่ยของประเทศเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆ หรือกล่าวโดยย่อก็คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของจังหวัดนนทบุรีมีแนวโน้มลดลง

ในรายละเอียดในรายวิชาอาจจะมุ่งเน้นว่าความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในรายวิชาคณิตศาสตร์ในทุกระดับชั้นดูจะมีความแตกต่างกันน้อยที่สุดและน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งจะมีความน่าเป็นห่วงในยุคที่ทักษะวิทยาการคำนวณ หรือการเรียน STEM กำลังมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในระบบเศรษฐกิจและสังคมโลก

ภาพที่ 1 ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่พิจารณาคะแนนมาตรฐานของผลสอบ ONET ของจังหวัดนนทบุรี ใน 4 รายวิชา และใน 3 ระดับชั้น


ความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ระหว่างโรงเรียน

ทั้งนี้ หากจะเจาะลึกลงมากขึ้น เราก็จะพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่สะท้อนจากคะแนนสอบ ONET มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ระหว่างโรงเรียนต่างๆในจังหวัดนนทบุรี โดยในภาพที่ 2 สะท้อนภาพผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่แตกต่างของโรงเรียนในสังกัดที่แตกต่างกันในแต่ละระดับชั้น โดยความแตกต่างเด่นชัดตั้งแต่ในระดับประถมศึกษาปีที่ 6 ที่ค่าคะแนนเฉลี่ยในวิชาภาษาอังกฤษมีผลแตกต่างกันถึง 16 คะแนน ไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็ยังมีค่าคะแนนเฉลี่ยในวิชาภาษาไทยแตกต่างกันถึง 15 คะแนนเช่นกัน และโรงเรียนในสังกัดขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นโรงเรียนที่มีค่าคะแนนเฉลี่ยต่ำสุดในทุกวิชาและในทุกระดับการศึกษาภายในจังหวัดนนทบุรี

ภาพที่ 2 ความแตกต่างของผลสอบ ONET ของโรงเรียนในจังหวัดนนทบุรี ในแต่ละระดับชั้น จำแนกตามสังกัดของโรงเรียน


หรือหากจะเจาะลึกลงไปถึงค่าคะแนนในโรงเรียนที่อยู่ในสังกัดเดียวกัน เช่น สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. นนทบุรี 1 และ 2 ก็จะเห็นว่าค่าคะแนนในระดับประถมศึกษาปีที่ 6 มีความแตกต่างกันสูงมากระหว่างโรงเรียนที่มีค่าคะแนนสูงสุดกับโรงเรียนที่มีค่าคะแนนต่ำสุดในบางวิชาแตกต่างกันประมาณ 20 คะแนน (ภาพที่ 3) ซึ่งนั่นสะท้อนภาพคุณภาพทางการศึกษาที่แตกต่างกันในแต่ละโรงเรียนของจังหวัดนนทบุรีเป็นอย่างดี และเป็นสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งหากจะยกระดับคุณภาพการศึกษาของจังหวัดนนทบุรีทั้งจังหวัดไปพร้อมๆ กัน


ภาพที่ 3 ความแตกต่างของผลสอบ ONET ในระดับชั้น ป.6 ของโรงเรียนในสังกัด สพฐ ในจังหวัดนนทบุรี  ระหว่างโรงเรียนที่ได้แนนต่ำสุดและสูงสุด


ภาวะโภชนาการของนักเรียนจังหวัดนนทบุรี

อีกเรื่องหนึ่งที่มีประเด็นปัญหาและความท้าทายให้สนใจศึกษาคือ ภาวะโภชนาการของนักเรียนในจังหวัดนนทบุรี โดยหากพิจารณาจากเด็กในช่วงอายุ 0-5 ปีจะพบว่า จังหวัดนนทบุรีมีอัตราเด็กที่มีความสูงดีสมส่วนอยู่ ร้อยละ 53.5 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศที่ร้อยละ 57.7 และ หากพิจารณาจากเด็กอายุหกถึง 14 ปีก็จะพบว่าจังหวัดนนทบุรีมีเด็กสูงดีส่วนสมส่วนอยู่ร้อยละ 52.7 ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ร้อยละ 54.7 หรือแปลว่า ภาวะโภชนาการของเด็กนนทบุรียังอยู่ต่ำกว่าระดับค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ

และหากพิจารณาถึงภาวะโภชนาการที่มีความเสี่ยงจะพบว่าเด็กจังหวัดนนทบุรีที่มีอายุ 6-14 ปี มีภาวะโภชนาการอยู่ในระดับผอมร้อยละ 6.22 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ร้อยละ 5.87 และมีภาวะโภชนาการอยู่ในระดับเริ่มอ้วนและอ้วนที่ ร้อยละ 16.86 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศที่ระดับร้อยละ 13.41 แปลว่าจังหวัดนนทบุรีมีปัญหาทั้งในส่วนของภาวะผอม ภาวะอ้วนและเริ่มอ้วนมากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ

ยิ่งเราเจาะลงไปถึงในระดับรายอำเภอก็จะพบว่า อำเภอไทรน้อยเป็นอำเภอที่มีเด็กสูงดีสมส่วนน้อยที่สุดของจังหวัดนนทบุรีทั้งในระดับศูนย์ถึงห้าปีที่มีเด็กสูงดีสมส่วนร้อยละ 49.95 และในระดับหกถึง 14 ปีที่มีเด็กสูงดีสมส่วนร้อยละ 46.76 ซึ่งต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของจังหวัดนนทบุรีและค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศ โดยมีสัดส่วนเด็กผอมในช่วงอายุ 6-14 ปีถึงร้อยละ 7.95 ส่วนในอำเภอเมืองนนทบุรีมีสัดส่วนเด็ก อายุ 6-14 ปีที่เริ่มอ้วนและอ้วนมากที่สุดที่ร้อยละ 18.83 (ภาพที่ 4)


ภาพที่ 4 ภาวะโภชนการของเด็กอายุ 6-14 ปี ในจังหวัดนนทบุรี ในไตรมาสที่ 4 ปี 2567 จำแนกตามสถานะความสูงเทียบกับน้ำหนักและตามรายอำเภอ


และถ้าเราเทียบไปจนถึงส่วนสูงของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงที่อายุห้าปีและ 12 ปี เราจะพบว่าในภาพรวมเด็กนนทบุรียังมีส่วนสูงโดยเฉลี่ยสูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศทั้งสองระดับ แต่เราพบความแตกต่างในรายอำเภอระหว่างเด็กในอำเภอเมืองและอำเภอไทรน้อยที่มีความสูงแตกต่างกัน ในระดับประมาณ 5 เซนติเมตรในช่วงอายุ 5 ปี (ระหว่าง 110.23 เซนติเมตรกับ 105.09 เซนติเมตรในเด็กผู้หญิง และ 111.11 เซนติเมตรกับ 106.57 เซนติเมตรในเด็กผู้ชาย) ความแตกต่างได้เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 8 เซนติเมตรในระดับอายุ 12 ปี (ระหว่าง 152.19 เซนติเมตรกับ 145.81 เซนติเมตรในเด็กผู้หญิง และ 153.85 เซนติเมตรกับ 145.00 เซนติเมตรในเด็กผู้ชาย)

ข้อมูลภาวะโภชนาการเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า การดูแลเรื่องอาหาร โภชนาการ การพักผ่อนและการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่มีความสำคัญมากสำหรับสุขภาพของนักเรียนในจังหวัดนนทบุรีซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปจนถึงผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาด้วย


ภาพที่ 5 ส่วนสูงโดยเฉลี่ยของเด็กอายุ 5 ปี และ 12 ปี ตามรายอำเภอ ในจังหวัดนนทบุรี


แหล่งเรียนรู้ในจังหวัดนนทบุรี

ประเด็นสุดท้ายที่จะกล่าวถึงคือ จำนวนแหล่งเรียนรู้ในจังหวัดนนทบุรี ข้อมูลจากกระทรวงวัฒนธรรมพบว่าจำนวนพิพิธภัณฑ์ในจังหวัดนนทบุรีมีอยู่ด้วยกัน 27 แห่งซึ่งนับเป็นอันดับที่ 11 ของประเทศ โดยจังหวัดที่มีพิพิธภัณฑ์มากที่สุดคือกรุงเทพมหานคร 247 แห่งรองลงมาคือเชียงใหม่ 118 แห่งนครปฐม 48 แห่ง เชียงราย 41 แห่ง อยุธยาและนครราชสีมา 34 แห่ง สุพรรณบุรี ลำปางและราชบุรี 30 แห่ง และชลบุรี 28 แห่ง 

แต่ตัวเลขดังกล่าวยังไม่สามารถที่จะนำมาเปรียบเทียบกันได้โดยตรง เพราะจำนวนประชากรในช่วงวัยเด็กและเยาวชนศูนย์ถึง 19 ปี อาจมีความแตกต่างกันในแต่ละจังหวัดเราจึงได้ทำการเทียบสัดส่วนจำนวนประชากรอายุศูนย์ถึง 19 ปีในแต่ละจังหวัด กับจำนวนจำนวนพิพิธภัณฑ์ในจังหวัดนั้นนั้นเพื่อให้ได้ตัวเลขสัดส่วนประชากรอายุศูนย์ถึง 19 ปีต่อจำนวนพิพิธภัณฑ์หนึ่งแห่ง ซึ่งมีนัยยะว่า หากจังหวัดที่มีสัดส่วนประชากรต่อพิพิธภัณฑ์หนึ่งแห่งน้อย ย่อมแปลว่ามีจำนวนพิพิธภัณฑ์มากเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรวัยเด็กและเยาวชน ในทางตรงกันข้าม หากจังหวัดใดมีสัดส่วนจำนวนประชากร เด็กและเยาวชนต่อพิพิธภัณฑ์หนึ่งแห่งมาก ก็แปลว่า จังหวัดนั้นมีจำนวนพิพิธภัณฑ์ค่อนข้างน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรเด็กและเยาวชนในจังหวัด

ผลการเปรียบเทียบพบว่าจังหวัดนนทบุรีมีสัดส่วนจำนวนประชากรเด็กและเยาวชนต่อพิพิธภัณฑ์หนึ่งแห่งอยู่ที่ 9,260 คนต่อแห่ง ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับจังหวัดใกล้เคียงเช่นกรุงเทพมหานครอยู่ที่ระดับ 4,285 คนต่อแห่ง หรืออยุธยาที่อยู่ในระดับ 1,543 คนต่อแห่ง หรือสุพรรณบุรีที่ระดับ 5,665 คนต่อแห่ง หรือนครปฐมที่ระดับ 6,626 คนต่อแห่ง (ภาพที่ 6)  เพราะฉะนั้นจังหวัดนนทบุรีจึงควรที่จะลงทุนเพื่อเพิ่มพิพิธภัณฑ์หรือแหล่งเรียนรู้ใหม่ๆ ในจังหวัดนนทบุรี เพื่อช่วยในการต่อยอดการพัฒนาการศึกษาและการเรียนรู้ของเด็กและเยาวชนในจังหวัดนนทบุรี

ภาพที่ 6 สัดส่วนจำนวนประชากรวัยเด็กและเยาวชนอายุ 0-19 ปี เทียบต่อพิพิธภัณฑ์ 1 แห่งในจังหวัด ของจังหวัดนนทบุรี และบางจังหวัด รวมถึงเทียบกับค่าเฉลี่ยของประเทศ


แนวทางการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและคุณภาพชีวิตของนักเรียนนนทบุรี

เพื่อแก้ไขปัญหาหลักๆ ด้านการศึกษาทั้งสามด้าน ทีมผู้สมัครองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี (อบจ.) ของพรรคประชาชน จึงเสนอแนวทาง 3 ด้านคือ การแก้ไขปัญหาภาวะโภชนาการ การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา และการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งในบทความนี้จะกล่าวถึงรายละเอียดในการดำเนินการทั้ง 3 เรื่อง ดังนี้


การแก้ไขปัญหาภาวะโภชนาการ

องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี (อบจ.) สามารถมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาภาวะโภชนาการของเด็กในพื้นที่ได้โดยการดำเนินการในเชิงรุกทั้งด้านการส่งเสริมสุขภาพ การศึกษา และการจัดการทรัพยากรในพื้นที่ โดยแนวทางที่อาจดำเนินการได้มีดังนี้:

  1. จัดทำนโยบายโภชนาการในโรงเรียนและชุมชน: ให้การสนับสนุนอาหารกลางวันที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนในโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก โดยให้ความสำคัญกับเด็กที่ขาดสารอาหารและเด็กที่มีน้ำหนักเกิน
  2. การจัดอบรมผู้ปกครองและครู: จัดกิจกรรมอบรมหรือให้ข้อมูลเกี่ยวกับโภชนาการและการดูแลสุขภาพเด็ก เช่น การเลือกวัตถุดิบที่มีประโยชน์ หรือการลดการบริโภคอาหารแปรรูป 
  3. การตรวจสุขภาพและติดตามสถานการณ์ โดย
    • ตรวจสุขภาพประจำปีของเด็ก: ตั้งโครงการตรวจสุขภาพเด็กในโรงเรียนเพื่อตรวจวัดภาวะน้ำหนัก ส่วนสูง และโภชนาการ รวมถึงให้คำแนะนำในการปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหารระบบฐานข้อมูลด้านโภชนาการ
    • สร้างฐานข้อมูลเด็กที่มีภาวะโภชนาการบกพร่องหรือเสี่ยง เพื่อติดตามความก้าวหน้าและออกแบบโครงการช่วยเหลือเฉพาะจุด
  4. การส่งเสริมกิจกรรมทางกาย โดยการจัดกิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกาย: สนับสนุนงบประมาณในการสร้างสนามเด็กเล่น สนามกีฬา หรือพื้นที่สีเขียวสำหรับเด็กและครอบครัว และโครงการกีฬาและการออกกำลังกายในชุมชน: เช่น การจัดกิจกรรมกีฬาสำหรับเด็ก 
  5. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับโรงพยาบาลและศูนย์สุขภาพ: ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลในพื้นที่ เช่น การจัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อตรวจโภชนาการ และให้ความช่วยเหลือเด็กและครอบครัวที่มีปัญหาโภชนาการ
  6. การสนับสนุนการผลิตอาหารในท้องถิ่น โดย
    • ส่งเสริมเกษตรอินทรีย์: สนับสนุนการผลิตผักผลไม้ปลอดสารพิษในชุมชน และเชื่อมโยงกับโครงการอาหารกลางวันในโรงเรียน 
    • จัดตลาดชุมชนสำหรับอาหารเพื่อสุขภาพ: สนับสนุนการสร้างตลาดในพื้นที่ที่เน้นขายอาหารและผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
  7. การรณรงค์และสร้างความตระหนักรู้ในชุมชน โดย
  • จัดแคมเปญลดน้ำหนักและเสริมโภชนาการ: เช่น โครงการ “กินดี อยู่ดี เด็กไทรน้อยสูงใหญ่” เพื่อสร้างแรงจูงใจในชุมชน
  • สร้างสื่อความรู้ด้านโภชนาการ: ผลิตสื่อ เช่น คู่มือ โปสเตอร์ หรือคลิปวิดีโอ เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านโภชนาการในชุมชน
  • สื่อสารผ่านช่องทางท้องถิ่น: ใช้สื่อท้องถิ่น เช่น วิทยุชุมชนและโซเชียลมีเดีย เพื่อรณรงค์เกี่ยวกับความสำคัญของโภชนาการ


การยกระดับผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของจังหวัดนนทบุรี

องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี (อบจ.) ของพรรคประชาชนจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของเด็กนักเรียนในจังหวัด และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาโดยดำเนินมาตรการในเชิงนโยบาย การสนับสนุนทรัพยากร และการสร้างเครือข่ายความร่วมมือ โดยแนวทางที่อาจดำเนินการได้มีดังนี้:

  1. การเร่งสนับสนุนทรัพยากรและพัฒนาคุณภาพการศึกษาในโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลเมือง และมีผลสัมฤทธฺ์การศึกษาที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย  :โดย
    • สนับสนุนการเข้าถึงเทคโนโลยี เช่น การจัดให้มีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและอุปกรณ์ดิจิทัล (แท็บเล็ต/คอมพิวเตอร์) และ
    • สนับสนุนการปรับปรุง/พัฒนาห้องสมุด ห้องปฏิบัติการและจัดหาสื่อการเรียนรู้ที่ทันสมัยให้โรงเรียน
  2. พัฒนาคุณภาพครู โดยการ
    • เติมครูในพื้นที่หรือโรงเรียนหรือวิชาที่ขาดแคลน 
    • สนับสนุนให้ครูเลือกเข้าอบรมทักษะการสอนที่ทันสมัย เช่น การสอนแบบ Active Learning, การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการสอนและการประเมินผลที่เน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์
    • มีระบบครูช่วยสอน (Co-Teacher) เพื่อช่วยเพิ่มคุณภาพทางการศึกษา
  3. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา จัดตั้งกองทุนการศึกษาและสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับนักเรียนที่มีฐานะยากจนเพื่อสนับสนุนการเรียนในระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา
  4. การสนับสนุนหลักสูตรและสื่อการเรียนการสอน โดยการ
    • ส่งเสริมการเรียนรู้ที่สอดคล้องกับศตวรรษที่ 21 เช่น การเขียนโปรแกรม, การเรียนรู้วิทยาศาสตร์ผ่านโครงงาน (STEM), ทักษะอาชีพ และความรู้ที่จำเป็นในยุคปัจจุบัน
    • จัดทำสื่อการเรียนที่ทันสมัยที่สนุกและเข้าใจง่าย เช่น วิดีโอการเรียนรู้ หนังสือแบบฝึกหัด หรือสื่ออิเล็กทรอนิกส์ผลิตหรือจัดหาสื่อการเรียนการสอนส่งเสริมการใช้ห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ (E-Library) ที่นักเรียนสามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่
  5. การสร้างเครือข่ายและความร่วมมือระหว่างโรงเรียน: โดยการ
    • จัดโครงการจับคู่โรงเรียน (School Partnership) ระหว่างโรงเรียนที่มีผลสัมฤทธิ์สูงกับโรงเรียนที่ต้องการพัฒนา เพื่อให้มีการแลกเปลี่ยนวิธีการเรียนการสอนและทรัพยากร
    • ประสานงานกับหน่วยงานภายนอกในการจัดทำโครงการพัฒนาการศึกษาในรูปแบบต่างๆ เช่นเชิญวิทยากรหรือผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยหรือภาคเอกชนมาร่วมจัดกิจกรรมในโรงเรียน
  6. การติดตามผลและประเมินผล โดยการ
  • พัฒนาระบบฐานข้อมูลนักเรียน เช่น คะแนนสอบโอเน็ตและผลสัมฤทธิ์รายบุคคล เพื่อติดตามความก้าวหน้าของนักเรียนในทุกพื้นที่
  • จัดทำรายงานการศึกษาปัญหาและผลลัพธ์เชิงนโยบายเพื่อปรับปรุงแผนพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดช่องว่างคะแนนระหว่างโรงเรียนในพื้นที่ต่าง ๆ ลงให้ได้


การพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในจังหวัดนนทบุรี

พรรคประชาชนเห็นว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี (อบจ.) สามารถส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้และพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ในจังหวัดเพื่อสนับสนุนการศึกษานอกห้องเรียนและสร้างโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงองค์ความรู้ได้มากขึ้น โดยมีแนวทางดังนี้:

  1. สนับสนุนงบประมาณและทรัพยากร เพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ใหม่ หรือปรับปรุงแหล่งเรียนรู้เดิมให้ทันสมัยและเหมาะสมกับทุกกลุ่มวัย และ/หรือจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ และเทคโนโลยีที่สนับสนุนการจัดแสดงและการเรียนรู้
  2. การแสวงหาความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคมหรือชุมชน ในการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ เช่น การสร้างแหล่งเรียนรู้ที่ใช้เทคโนโลยีจากภาคเอกชน หรือภูมิปัญญาของชุมชน
  3. พัฒนาเครือข่ายแหล่งเรียนรู้ในพื้นที่ สร้างเครือข่ายระหว่างแหล่งเรียนรู้ เช่น เชื่อมโยงพิพิธภัณฑ์ ศูนย์การเรียนรู้ และห้องสมุด เพื่อให้นักเรียนและประชาชนสามารถเข้าถึงได้สะดวก 
  4. จัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ จัดกิจกรรมเวิร์กช็อป การจัดนิทรรศการ การแข่งขันกีฬา หรือกิจกรรมวันเปิดบ้านของแหล่งเรียนรู้ เพื่อดึงดูดความสนใจและเพิ่มการใช้งานพื้นที่ ตามเทศกาล วันหยุด  หรือช่วงหยุดภาคการศึกษา

โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดนนทบุรี (อบจ.) สามารถพัฒนาและสนับสนุนการสร้างแหล่งเรียนรู้หลากหลายประเภทให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในจังหวัด และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยตัวอย่างประเภทและแนวทางพัฒนาแหล่งเรียนรู้ในระยะเวลา 4 ปี มี 7 ลักษณะดังนี้:

1)  แหล่งเรียนรู้ด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม เช่น พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมและวิถีชีวิตท้องถิ่น ศูนย์การเรียนรู้เกี่ยวกับศิลปะและสถาปัตยกรรมดั้งเดิม

ตัวอย่างพื้นที่และแนวทางพัฒนา:

  • เกาะเกร็ด: จัดตั้งศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาวมอญ การปั้นเครื่องปั้นดินเผา และการสืบทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น และ สร้างเส้นทางการเรียนรู้ผ่านนิทรรศการกลางแจ้งที่เน้นการปฏิสัมพันธ์
  • วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร: พัฒนาให้เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา เช่น การจัดแสดงวัตถุโบราณ ภาพถ่ายเก่า และศิลปกรรมในอดีต
  • วัดปรางค์หลวงและวัดอัมพวัน ย่านบางม่วง ซึ่งสามารถศึกษาประวัติศาสตร์การก่อตั้งเมืองนนทบุรีและศิลปวัฒนธรรมในแต่ละช่วงยุคสมัย

2) แหล่งเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้แก่ ศูนย์การเรียนรู้ด้าน STEM (วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีเกษตรและสิ่งแวดล้อม

ตัวอย่างพื้นที่และแนวทางพัฒนา:

  • สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ นนทบุรี: สามารถ สร้าง “ศูนย์การเรียนรู้ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” ที่มีนิทรรศการเรื่องระบบนิเวศ การจัดการขยะ และพลังงานทดแทน
  • อำเภอไทรน้อย: สามารถพัฒนา “ศูนย์การเรียนรู้เกษตรกรรมสมัยใหม่” ที่รวมการสอนการปลูกพืชแนวตั้ง การทำเกษตรอินทรีย์ และการใช้เทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์ม
  • พื้นที่โรงเรียน: สามารถจัดตั้งห้องปฏิบัติการ STEM Lab หรือ Maker Space เพื่อให้นักเรียนได้ทดลองประดิษฐ์และทำโครงงานด้านวิทยาศาสตร์

3) แหล่งเรียนรู้ด้านศิลปะและความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ ศูนย์ศิลปะการแสดงและการสร้างสรรค์ แกลเลอรีหรือพื้นที่ศิลปะสำหรับเยาวชน

ตัวอย่างพื้นที่และแนวทางพัฒนา: ศาลากลางจังหวัดนนทบุรีเก่า: สามารถปรับปรุงให้เป็น “ศูนย์ศิลปะและหัตถกรรมท้องถิ่น” โดยจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยของเยาวชน และสาธิตงานหัตถกรรม พื้นที่ในห้างสรรพสินค้าหรือศูนย์การค้าในจังหวัดนนทบุรี: จัดตั้ง “Creative Hub” ที่มีการจัดเวิร์กช็อปศิลปะสำหรับเด็กและเยาวชน เช่น การวาดภาพ ดนตรี และการแสดงละคร

4) แหล่งเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจและทักษะอาชีพ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาทักษะอาชีพและพื้นที่เรียนรู้ด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์

ตัวอย่างพื้นที่และแนวทางพัฒนา: 

  • ตลาดน้ำไทรน้อย วัดไทรใหญ่: สามารถสร้าง “ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจสร้างสรรค์และทักษะอาชีพ” ที่สอนทักษะด้านการเกษตร การแปรรูปอาหาร และการทำงานฝีมือ 
  • ตลาดน้ำวัดตะเคียน: จัดพื้นที่สำหรับสาธิตการทำอาหารพื้นบ้าน การขายสินค้าเกษตร และการทำงานฝีมือ

5. แหล่งเรียนรู้ด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ศูนย์อนุรักษ์ธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวและเส้นทางศึกษาธรรมชาติ

ตัวอย่างพื้นที่และแนวทางพัฒนา:

  • พื้นที่คลองอ้อมนนท์: สามารถพัฒนาเส้นทางศึกษาธรรมชาติริมคลองที่มีเนื้อหาสำหรับการเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศวัฒนธรรมชุมชนริมน้ำ 
  • พื้นที่สวนสาธารณะในเขตเมือง: สามารถสร้าง “สวนการเรียนรู้ด้านสิ่งแวดล้อม” ที่มีนิทรรศการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ การจัดการพลังงาน และการปลูกต้นไม้

6. แหล่งเรียนรู้ด้านกีฬา เช่น สนามกีฬา ลานกีฬา หรือสนามประจำโรงเรียน

ตัวอย่างพื้นที่และแนวทางพัฒนา: 

  • ปรับปรุงและพัฒนาสนามกีฬาที่มีอยู่ รวมถึงขอความร่วมมือโรงเรียนในการให้บริการชุมชนในช่วงเวลาที่ไม่มีการเรียนการสอน
  • ปรับปรุงพื้นที่ว่างเอกชนให้เป็นลานกีฬาและสนามกีฬาของชุมชน โดยจะลดหย่อนภาษีที่ดินและสิ่งปลูก 
  • จัดแข่งกีฬาและกิจกรรมต่างๆ เช่น ลีกฟุตบอล/ฟุตซอลภยในจังหวัด การแข่งวิ่งเทรลหรือพายเรือในพื้นที่คลองอ้อมและสวนผลไม้ที่มีอยู่

7. แหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชนและครอบครัว เช่น ห้องสมุดชุมชนหรือห้องสมุดดิจิทัล และศูนย์การเรียนรู้ที่ส่งเสริมกิจกรรมสำหรับครอบครัว

ตัวอย่างพื้นที่และแนวทางพัฒนา: 

  • พื้นที่ใกล้โรงเรียนในเขตเมืองและชนบท: สร้าง “ห้องสมุดดิจิทัลสำหรับชุมชน” ที่ประชาชนทุกวัยสามารถใช้อินเทอร์เน็ต อ่านหนังสือออนไลน์ และเรียนรู้ผ่านสื่อดิจิทัล
  • พื้นที่สาธาณะทั่วไปสามารถพัฒนา “ศูนย์เรียนรู้ครอบครัว” ที่มีทั้งพื้นที่สำหรับการอ่านหนังสือ ห้องเล่านิทาน และพื้นที่สำหรับจัดกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว

ทั้งนี้ หาก อบจ. ดำเนินการอย่างต่อเนื่องและบูรณาการกับทุกภาคส่วน จัดทำแผนแม่บทด้านแหล่งเรียนรู้ของจังหวัดนนทบุรี: เพื่อกำหนดทิศทางการพัฒนาให้ครอบคลุมและต่อเนื่อง และเน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน: ผ่านการรับฟังความคิดเห็น และเปิดโอกาสให้เอกชนหรือชุมชนเข้ามามีบทบาทร่วมดำเนินการ จังหวัดนนทบุรีจะเป็นต้นแบบด้านการพัฒนาแหล่งเรียนรู้ที่ครบวงจรและตอบสนองต่อทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างยั่งยืน


สรุป

แม้ว่า อบจ. นนทบุรีจะมีการลงทุนในด้านการศึกษามาอย่างต่อเนื่อง จนเป็นตัวอย่างที่สำคัญของ อบจ. หลายจังหวัด แต่นนทบุรีเองยังมีปัญหาอีกหลายเรื่องที่ต้องเร่งแก้ไขปัญหาในด้านการศึกษา โดยเฉพาะผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาที่เริ่มถดถอยลง และมีความแตกต่างกันในด้านคุณภาพการศึกษาระหว่างโรงเรียน ปัญหาทางด้านโภชนาการที่จะต้องเร่งแก้ไขในทุกกลุ่มช่วงอายุ และการเพิ่มแหล่งเรียนรู้ให้กับเด็ก เยาวชน ครอบครัว และชุมชน ซึ่งหากดำเนินการได้ในทั้ง 3 ด้าน คุณภาพการศึกษาของจังหวัดนนทบุรีจะกลับมาดีขึ้นและโดดเด่นอีกครั้งหนึ่ง

บทความล่าสุด

ความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการทำประมงปลากะตักด้วยเรืออวนล้อมจับโดยใช้แสงไฟล่อ (ตามมาตรา 69 ที่กำลังแก้ไข)

เรียนก็ไม่สนุก ให้ประยุกต์ใช้ก็ทำไม่เป็น : ความท้าทายของการเรียนคณิตศาสตร์ในประเทศไทย

กับดักพันธุ์ข้าวด้อยคุณภาพ: วงจรปัญหาเชิงโครงสร้างซ้ำเติมชาวนาไทย

นโยบายข้าวนาปรัง: การไม่ประสานงานของภาครัฐและกรรมของเกษตรกร

สรุปรายงานข้อเสนอมาตรการเชิงนโยบาย (เบื้องต้น) การแก้ไขปัญหาน้ำท่วมพื้นที่ทุ่งรับน้ำและพื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำบางบาล

แนวคิดเบื้องต้นในการสนับสนุนเกษตรกรรุ่นใหม่ในระดับปัจเจกชนและระดับเครือข่ายเพื่อความเปลี่ยนแปลง

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า