เดชรัต สุขกำเนิด
กึกก้อง เสือดี
จังหวัดสมุทรสงครามเป็นจังหวัดที่มีระบบนิเวศวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่มีความโดดเด่นเนื่องจากสภาพภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และต่อเนื่องมาเป็นเวลานานประกอบกับจังหวัดสมุทรสงครามมีตำแหน่งที่ตั้งซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆ รอบข้างสมุทรสงครามจึงเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพอย่างยิ่งในแง่ของการท่องเที่ยวโดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงการเรียนรู้แบบสร้างสรรค์

ประเภทของแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ในจังหวัดสมุทรสงคราม
ตัวอย่างแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ในจังหวัดสมุทรสงคราม ที่น่าสนใจตาม 5 ประเภท มีดังนี้:
- แหล่งเรียนรู้ด้านอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น
- ศูนย์อนุรักษ์ป่าชายเลนคลองโคน เรียนรู้การปลูกป่าชายเลน ฟื้นฟูระบบนิเวศ และวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้าน
- ดอนหอยหลอด ศึกษาธรรมชาติของดอนหอยหลอด การอนุรักษ์ระบบนิเวศชายฝั่ง และกิจกรรมขุดหอยหลอด
- ล่องเรือชมหิ่งห้อยริมแม่น้ำแม่กลอง เรียนรู้การอนุรักษ์หิ่งห้อยและสัมผัสธรรมชาติยามค่ำคืน
- สวนสมุนไพรในอุทยาน ร.2 สวนสมุนไพรที่รวบรวมพันธุ์พืชท้องถิ่น พร้อมกิจกรรมเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากพืช เป็นต้น
- แหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรและการแปรรูปอาหาร ตัวอย่างเช่น
- สวนมะพร้าวน้ำหอมแม่กลอง เรียนรู้การปลูกมะพร้าวน้ำหอมและการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว เช่น น้ำตาลมะพร้าว
- ศูนย์เรียนรู้การเกษตรแบบผสมผสานบ้านคลองเขิน เรียนรู้วิธีการเกษตรอินทรีย์ เช่น การปลูกผักและผลไม้แบบยั่งยืน
- สวนลิ้นจี่สมุทรสงคราม เรียนรู้วิธีการดูแลต้นลิ้นจี่ และการแปรรูปลิ้นจี่เป็นขนมหรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
- ชุมชนบางน้อย สาธิตการทำขนมไทย การหมักปลาร้า และการทำเครื่องแกงพื้นบ้าน
- ศูนย์เรียนรู้การแปรรูปอาหารทะเล บ้านคลองโคน เรียนรู้การทำอาหารทะเลแปรรูป เช่น ปลาแดดเดียว กะปิ และน้ำปลา

ภาพการเรียนรู้เรื่องการทำน้ำตาลมะพร้าวคลองเขินสมุทรสงคราม
ถ่ายเมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2551
- แหล่งเรียนรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม ตัวอย่างเช่น
- วัดบางกุ้ง ที่มีโบสถ์ปรกโพธิ์ที่โดดเด่น เรียนรู้ประวัติศาสตร์การต่อสู้และวัฒนธรรมท้องถิ่น
- วัดจุฬามณี วัดสำคัญทางศาสนาและศิลปวัฒนธรรม พร้อมชมจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม
- บ้านดนตรีไทยสมุทรสงคราม เรียนรู้การเล่นเครื่องดนตรีไทย และประวัติศาสตร์ของดนตรีพื้นบ้าน
- อาสนวิหารแม่พระบังเกิด: โบสถ์นีโอ-โกธิค ที่งดงามท่ามกลางชุมชนสวนมะพร้าว,
- มัสยิดดำรงอิสลาม และชุมชนมุสลิมชาวสวนริมคลอง ย่านปลายโพงพางอันงดงาม
- พิพิธภัณฑ์พระพุทธเลิศหล้านภาลัย (อุทยาน ร.2) ซึ่งรวบรวมของโบราณเกี่ยวกับสมัยรัชกาลที่ 2 รวมถึงบ้านทรงไทยโบราณ และจัดแสดงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชาวไทยในอดีต
- พิพิธภัณฑ์บ้านครูเอื้อ สุนทรสนาน ซึ่งเป็นบ้านของครูเอื้อ สุนทรสนาน ศิลปินเพลงลูกกรุงไทยที่โด่งดัง และมีการจัดแสดงเครื่องดนตรี รูปภาพ และผลงานเพลงของครูเอื้อไว้
- แหล่งเรียนรู้เชิงพักผ่อนหย่อนใจทั่วไป และการจับจ่ายใช้สอย ตัวอย่างเช่น
- ตลาดน้ำอัมพวา ล่องเรือริมคลอง พร้อมเลือกซื้อของกินและของที่ระลึก
- ตลาดน้ำท่าคา ชมวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมและการค้าขายบนเรือที่สะท้อนวัฒนธรรมท้องถิ่น
- ตลาดร่มหุบและตลาดแม่กลอง ชมวิธีค้าขายริมรางรถไฟ พร้อมเลือกซื้อของสดและของแห้ง
- การล่องเรือชมธรรมชาติที่คลองแควอ้อม ชมความงามของคลองเก่าแก่และธรรมชาติสองฝั่งคลอง
- แหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ที่มีลักษณะเป็น คาเฟ่ แกลลอรี่ ห้องสมุด ซึ่งเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์ในบรรยากาศสบาย ๆ และมีความรู้แฝงอยู่ด้วย ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น
- คาเฟ่ที่ตกแต่งแบบบ้านสวนไทย รายล้อมด้วยต้นไม้และธรรมชาติ มีมุมแสดงงานศิลปะท้องถิ่น เช่น ภาพวาดวิถีชีวิตแม่กลอง ภาพถ่ายเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวคลองและธรรมชาติแม่กลอง
- คาเฟ่ที่มีการให้ข้อมูลการเรียนรู้ระบบนิเวศนาเกลือ และสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศดังกล่าว
- คาเฟ่และร้านอาหารที่เน้นการใช้ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นในอาหารและเครื่องดื่ม
- แกลลอรีที่มีนิทรรศการเกี่ยวกับศิลปะการปั้นเครื่องปูนดินเผา และเวิร์กช็อปการปั้นดิน และศิลปะอื่นๆ

ภาพการให้ข้อมูลสิ่งมีชีวิตในนาเกลือ ของคาเฟ่ ซอลท เลค เดอ แม่กลอง
ถ่ายเมือวันที่ 12 มีนาคม 2565
กลุ่มเป้าหมายสำหรับการท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์
สำหรับจังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งมีแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ที่หลากหลาย สามารถแบ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวที่สนใจการท่องเที่ยวลักษณะนี้ได้เป็น 5 กลุ่มหลัก โดยแต่ละกลุ่มมีพฤติกรรมการท่องเที่ยวที่แตกต่างกันดังนี้:
1. กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงการศึกษา (Educational Travelers) ซึ่งเป็นกลุ่มนักเรียน นักศึกษา หรือบุคลากรด้านการศึกษามักมาทัศนศึกษา ดูงาน หรือเข้าร่วมกิจกรรมการเรียนรู้นอกสถานที่
พฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มักเน้นการเรียนรู้ควบคู่กับการปฏิบัติจริง เช่น ปลูกป่าชายเลน ศึกษาวัฒนธรรมท้องถิ่น ชื่นชอบกิจกรรมที่สอดคล้องกับหลักสูตรการเรียน และมักเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่และอยู่ภายใต้การจัดการของโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษาใช้เวลาเดินทางระยะสั้น (ครึ่งวันถึง 1 วัน)
2. กลุ่มนักท่องเที่ยวครอบครัว (Family Travelers) ซึ่งมีลักษณะเป็นครอบครัวที่มีสมาชิกหลายช่วงอายุ เช่น พ่อแม่และลูกสนใจการท่องเที่ยวที่มีกิจกรรมสำหรับเด็กและครอบครัว
นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้พฤติกรรมการท่องเที่ยวที่ชื่นชอบกิจกรรมแบบง่าย ๆ และมีความสนุกสนาน เช่น ทำขนมไทย ชมธรรมชาติ หรือเยี่ยมชมตลาดน้ำ เน้นการเรียนรู้เชิงเบา ๆ ที่เหมาะสมกับทุกวัย ให้ความสำคัญกับสถานที่ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย( รวมถึงการเข้าถึงแบบอารยะสถาปัตย์) และใช้เวลาเดินทาง 1-2 วัน และนิยมที่พักแบบโฮมสเตย์
3. กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ (Eco-Tourists) นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีลักษณะสนใจการอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมีเป้าหมายเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตที่ยั่งยืน
พฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ชื่นชอบกิจกรรมเชิงนิเวศ เช่น การปลูกป่าชายเลน การดูนก หรือการล่องเรือชมหิ่งห้อย และจะให้ความสำคัญกับเลือกสถานที่ที่มีการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมดี เช่น ใช้พลังงานสะอาดหรือมีระบบลดขยะ นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้นิยมการเดินทางที่เรียบง่ายและหลีกเลี่ยงความแออัด และจะใช้เวลา 1 วันถึง 2 วัน
4. กลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม (Cultural Enthusiasts) นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีลักษณะสนใจวัฒนธรรม ศิลปะ ประเพณี และศาสนา มักเป็นผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุที่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้รากเหง้าของพื้นที่
นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีพฤติกรรมชื่นชอบการเยี่ยมชมวัด โบราณสถาน หรือพิพิธภัณฑ์ เช่น วัดบางกุ้ง วัดจุฬามณี วัดอัมพวันเจติยาราม อุทยาน ร.2 สนใจการเรียนรู้ศิลปะพื้นบ้าน เช่น การแสดงดนตรีไทย การทำหัตถกรรมพื้นบ้าน ใช้เวลาในการเดินชมสถานที่ค่อนข้างนาน และมักมีคำถามเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ เดินทางเป็นกลุ่มเล็กและมักต้องการให้มีไกด์หรือผู้บรรยายประวัติศาสตร์
5. กลุ่มนักท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน (Leisure Travelers) นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีลักษณะเป็นนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ต้องการผ่อนคลายและเปิดประสบการณ์ใหม่
พฤติกรรมการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะเลือกกิจกรรมเบา ๆ เช่น ล่องเรือชมธรรมชาติหรือเดินเที่ยวตลาดน้ำ และไม่เน้นการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง แต่สนใจเรื่องเล่าหรือกิจกรรมที่ช่วยสร้างความบันเทิง มักเดินทางเป็นคู่รักหรือกลุ่มเพื่อน ใช้เวลา 1 วันถึง 2 วัน และมักเลือกสถานที่พักที่มีบรรยากาศดี

ภาพตัวอย่างกิจกรรมการเรียนรู้ของกลุ่มท่องเที่ยวเชิงการศึกษา
ภาพจากเฟซบุ๊คเพจ สมุทรสงครามอยู่ดี
ความแตกต่างในพฤติกรรมการท่องเที่ยวระหว่างกลุ่ม ที่ควรสังเกตและใช้ในการออกแบบกิจกรรมการท่องเที่ยวและแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ ได้แก่
- เป้าหมายการเดินทางที่แตกต่างกัน เช่น กลุ่มเชิงการศึกษา และ กลุ่มเชิงอนุรักษ์ เน้นการเรียนรู้และปฏิบัติจริง ในขณะที่กลุ่มครอบครัว และ กลุ่มเพื่อพักผ่อน เน้นกิจกรรมที่สนุกและผ่อนคลาย ส่วนกลุ่มเชิงวัฒนธรรม เน้นการเรียนรู้เชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม
- ระยะเวลาที่แตกต่างกันในแต่ละจุดและในภาพรวมทั้งทริป เช่น กลุ่มครอบครัวและเพื่อพักผ่อนมักใช้เวลาเดินทางสั้น ๆ แต่กลุ่มเชิงอนุรักษ์และเชิงการศึกษาอาจใช้เวลามากกว่าเนื่องจากกิจกรรมเชิงปฏิบัติ
- รูปแบบการเดินทางของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มเชิงการศึกษามักเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ แต่กลุ่มเพื่อพักผ่อนและกลุ่มครอบครัวเดินทางแบบกลุ่มเล็กหรือส่วนตัว
- ความลึกซึ้งของกิจกรรมที่เรียนรู้ เช่นกลุ่มเชิงวัฒนธรรมและเชิงการศึกษาให้ความสำคัญกับรายละเอียด กลุ่มครอบครัวและเพื่อพักผ่อนสนใจเพียงประสบการณ์ที่สนุกสนานมากกว่า เป็นต้น
จากข้อสังเกตเรื่องความแตกต่างดังกล่าวเราสามารถนำมาเป็นแนวทางการพัฒนาเพื่อรองรับแต่ละกลุ่ม เช่น (ก) การจัดโปรแกรมกิจกรรมที่หลากหลายและปรับแต่งได้ตามความต้องการของแต่ละกลุ่ม (ข) พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น พื้นที่สำหรับเด็กและครอบครัว หรือจุดให้ข้อมูลเชิงลึกสำหรับผู้สนใจศึกษาในรายละเอียด และ (ค) ส่งเสริมการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถเลือกเส้นทางได้ตามความสนใจ ซึ่งการแบ่งกลุ่มและพัฒนากิจกรรมให้ตรงกับพฤติกรรมของแต่ละกลุ่มจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับแหล่งเรียนรู้ในจังหวัดสมุทรสงคราม และดึงดูดนักท่องเที่ยวได้หลากหลายมากขึ้น และจะได้นำเสนอแนวทางโดยละเอียดต่อไป
แนวทางการพัฒนาแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์
การพัฒนาแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ในจังหวัดสมุทรสงครามให้มีความยั่งยืนและดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้น สามารถทำได้โดยใช้แนวทางดังนี้:
1. การพัฒนาคอนเทนต์และกิจกรรม โดย
- สร้างสรรค์โปรแกรมการเรียนรู้ใหม่ๆ: เช่น เวิร์กช็อป, กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ, หรือโครงการสำหรับครอบครัวที่ตอบสนองต่อกลุ่มเป้าหมายทุกวัย
- บูรณาการเทคโนโลยี: ใช้ AR/VR เพื่อจำลองประสบการณ์ เช่น ชีวิตดั้งเดิมของชุมชนหรือการทำขนมไทย
- ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชน: ให้คนในพื้นที่เป็นผู้เล่าเรื่องหรือสอนภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น การสาธิตการทำสวน การหัตถกรรม หรือการประมง
2. การสร้างเครือข่ายความร่วมมือ โดย
- เชื่อมโยงกับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย: พัฒนาแหล่งเรียนรู้ให้เป็นพื้นที่ฝึกงานหรือเรียนรู้ภาคสนาม
- ร่วมมือกับภาคเอกชน: เช่น การพัฒนาโปรแกรมท่องเที่ยวร่วมกับบริษัททัวร์ หรือการสนับสนุนด้านงบประมาณจากธุรกิจในท้องถิ่น
- สร้างเครือข่ายชุมชน OTOP: เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ เช่น การจัดตลาดสินค้า OTOP เชิงสร้างสรรค์ในพื้นที่
3. การปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก โดยการสนับสนุน
- พัฒนาสถานที่ให้เหมาะกับทุกคน: จัดให้มีทางเดินสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการ รวมถึงพื้นที่พักผ่อน
- เพิ่มป้ายข้อมูลและคำอธิบายหลายภาษา: เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
- ศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว (Tourist Information Center) 2 ภาษา (ไทย-อังกฤษ) อำเภอละ 1 จุด เพื่อให้ข้อมูล แนะนำ และนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมให้กับนักท่องเที่ยว
- พัฒนาร้าน/แหล่ง/ตลาดจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึกที่เป็นความภาคภูมิใจของสมุทรสงคราม (Pride of Samut Songkhram) เช่น ตลาดปลา ตลาดผลไม้ ตลาดผักพื้นบ้าน สมุทรสงคราม
- ปรับปรุงระบบขนส่ง: เช่น การเพิ่มบริการรถรับ-ส่งในพื้นที่ หรือการเชื่อมโยงกับเส้นทางท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งจะกล่าวถึงในรายละเอียดต่อไป
4. การส่งเสริมด้านการตลาด โดย
- โปรโมตผ่านโซเชียลมีเดีย: ใช้ Facebook, Instagram หรือ TikTok ในการเล่าเรื่องที่น่าสนใจของแหล่งเรียนรู้
- จัดกิจกรรมพิเศษ: งานเทศกาลในท้องถิ่น, การแข่งขันเชิงสร้างสรรค์, หรือการเปิดบ้านในวันสำคัญ เช่น
- สนับสนุนงานเทศกาลศิลปะและวัฒนธรรมของชุมชนที่มีอยู่แล้ว เช่น ตักบาตรขนมครก ลอยสำเภา เทศกาลกินเจ เทศกาลทางศาสนาของทุกศาสนา มหกรรมว่าวไทย ทอดผ้าป่าทางน้ำตามวัดต่างๆ ฯลฯ
- จัดงานเทศกาลวัฒนธรรมอาหารฐานนิเวศสมุทรสงคราม
- จัดงานเทศกาลประวัติศาสตร์สมุทรสงคราม ได้แก่ ศึกบางกุ้ง, แฝดสยามอิน-จัน
- จัดงานเทศกาลดนตรีไทย ลูกกรุง และดนตรีร่วมสมัย
- สร้างแพ็คเกจท่องเที่ยวแบบครบวงจร: เช่น การจัดกิจกรรมเชิงเรียนรู้ควบคู่ไปกับการท่องเที่ยวในชุมชน
5. การอนุรักษ์และสร้างความยั่งยืน โดย
- ส่งเสริมแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy): เช่น การนำวัสดุเหลือใช้จากชุมชนมาสร้างสรรค์กิจกรรม
- รักษาอัตลักษณ์ท้องถิ่น: สนับสนุนให้แหล่งเรียนรู้คงความเป็นเอกลักษณ์ของวัฒนธรรมสมุทรสงคราม
- จัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ: เช่น การใช้น้ำหรือเรือพลังงานไฟฟ้าอย่างคุ้มค่าในสถานที่เรียนรู้
6. การประเมินและปรับปรุง โดย
- รับฟังความคิดเห็นจากผู้เยี่ยมชม: ใช้แบบสำรวจหรือสัมภาษณ์เพื่อนำมาปรับปรุงบริการ
- ติดตามผลกระทบต่อชุมชน: เช่น การเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว หรือการสร้างโอกาสการจ้างงาน
- จัดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้: ระหว่างแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เพื่อพัฒนาร่วมกัน
การพัฒนาแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ในรูปแบบนี้จะช่วยให้สถานที่เหล่านี้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ การท่องเที่ยว และการอนุรักษ์วัฒนธรรมที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป

ภาพตัวอย่าง การพัฒนาเนื้อหาเกี่ยวกับ “รอยพระพุทธบาท” ในจังหวัดสมุทรสงคราม
ภาพจากเฟซบุ๊คเพจ มรดก
การท่องเที่ยวแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ในรูปแบบการทัศนศึกษาและปฏิบัติ
Think Forward Center และพรรคประชาชน เห็นว่า การสนับสนุนการท่องเที่ยวที่แหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ในรูปแบบทัศนศึกษา การดูงาน และการฝึกปฏิบัติ โดยองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงคราม เป็นแนวทางที่เป็นไปได้ และมีศักยภาพในการส่งเสริมการเรียนรู้เชิงบูรณาการระหว่างการศึกษาและการท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างการเรียนรู้เชิงทฤษฎีกับการปฏิบัติในพื้นที่จริง พร้อมทั้งสนับสนุนเศรษฐกิจในท้องถิ่น และได้กำหนดแนวทางการดำเนินงาน ไว้ดังนี้
- ประชาสัมพันธ์ อำนวยความสะดวก และจัดทำความร่วมมือกับโรงเรียนและมหาวิทยาลัย
- ประชาสัมพันธ์ และมีศูนย์ข้อมูลในการประสานกิจกรรม ระหว่าง (ก) อบจ. สมุทรสงคราม (ข) แหล่งเรียนรู้ต่างๆ ในสมุทรสงคราม และ (ค) สถาบันการศึกษาต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ (ต่างประเทศอาจผ่านบริษัทจัดนำเที่ยวในประเทศ) เพื่อวางแผนการจัดกิจกรรม
- จัดทำโครงการนำร่อง เช่น การส่งนักเรียนระดับมัธยมปลายและนักศึกษามาเข้าร่วมกิจกรรมในแหล่งเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับหลักสูตรการเรียน
- สร้างแพ็คเกจทัศนศึกษาและการเรียนรู้เชิงบูรณาการ
- พัฒนาโปรแกรมท่องเที่ยวและกิจกรรมที่สอดคล้องกับวิชาเรียน เช่น วิทยาศาสตร์ วัฒนธรรม ศิลปะ หรือเกษตรกรรม
- สร้างกิจกรรมเชิงปฏิบัติที่ให้นักเรียนและนักศึกษาได้เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ เช่น การสาธิตการทำขนมไทย การปลูกป่าชายเลน หรือการทำหัตถกรรมพื้นบ้าน
- แพ็คเกจการท่องเที่ยวแบบ “ออกรถออกรส” เพื่อสร้างการรับรู้/เล่าเรื่องวัฒนธรรมอาหารฐานนิเวศ 3 น้ำของจังหวัดสมุทรสงคราม ด้วยสื่อสมัยใหม่ที่หลากหลายอย่างจริงจัง ตั้งแต่ต้นทางวัตถุดิบจากการประมงชายฝั่ง ประมงทะเล และประมงในลำน้ำ เกลือทะเล มะพร้าว ผลไม้ ในสวนยกร่อง และพืชผักในสวนเตียน ซึ่งนำมาสู่วัฒนธรรมอาหารของคนสมุทรสงคราม
- มีสนับสนุนและส่วนลดค่าใช้จ่ายทางการตลาด
- ส่วนลดค่าเข้าชมหรือค่ากิจกรรมปฏิบัติการ หากมีการเข้าเยี่ยมชมแบบเป็นแพ็กเกจ
- อุดหนุนงบประมาณสำหรับค่าใช้จ่ายบางส่วน เช่น ค่าเดินทาง ค่าบัตรเข้าชม หรือค่าอุปกรณ์ในการฝึกปฏิบัติ สำหรับนักเรียน นักศึกษาในจังหวัดสมุทรสงคราม และสถาบันการศึกษาที่มีบันทึกความร่วมมือกันในระยะยาว
- อำนวยความสะดวกในเรื่องการเดินทางและความปลอดภัยในพื้นที่
การจัดทำแพ็คเกจการท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ
ตัวอย่างของ package การเรียนรู้ที่ อบจ. สมุทรสงครามสามารถประชาสัมพันธ์และเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวที่ชอบการท่องเที่ยวเรียนรู้แบบสร้างสรรค์ ในแต่ละกลุ่ม (ที่กล่าวถึงข้างต้น) มาเลือกใช้บริการได้
1. แพ็คเกจครึ่งวัน (Half-Day Package)
เหมาะสำหรับการทัศนศึกษาหรือเรียนรู้แบบเร่งด่วน ตัวอย่างกิจกรรมได้แก่
- เยี่ยมชมตลาดน้ำอัมพวาและเรียนรู้วิถีชุมชน
- ทำกิจกรรมเรียนรู้ เช่น การปลูกป่าชายเลนในพื้นที่ใกล้เคียง
- กลุ่มเป้าหมาย: นักเรียนในระดับมัธยมศึกษา
- ระยะเวลา: 3-4 ชั่วโมง
2. แพ็คเกจเต็มวัน (Full-Day Package) เหมาะสำหรับโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่ต้องการเรียนรู้เชิงลึก ตัวอย่างกิจกรรม ได้แก่
- ช่วงเช้า: ฝึกปฏิบัติการทำน้ำตาลมะพร้าวหรือการทำขนมไทย
- ช่วงบ่าย: ล่องเรือฟังเรื่องเล่าประวัติศาสตร์และการอนุรักษ์ และชมหิ่งห้อยในช่วงค่ำ
- กลุ่มเป้าหมาย: นักเรียนมัธยมปลายหรือมหาวิทยาลัย
- ระยะเวลา: 6-8 ชั่วโมง
3. แพ็คเกจ 2 วัน 1 คืน (Overnight Package) เหมาะสำหรับมหาวิทยาลัยหรือกลุ่มนักศึกษา ตัวอย่างกิจกรรม ได้แก่
- วันแรก: ฝึกงานเชิงปฏิบัติ เช่น การศึกษาระบบเกษตรอินทรีย์ในพื้นที่สวน
- วันถัดมา: ทัศนศึกษาในพื้นที่ตลาดน้ำอัมพวาและเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น
- ที่พัก: โฮมสเตย์ที่ดำเนินการโดยชุมชน หรือรีสอร์ตใกล้ตลาดน้ำ
- กลุ่มเป้าหมาย: นักศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่สนใจการเรียนรู้เชิงลึก
4. แพ็คเกจการฝึกอบรมเฉพาะทาง (Specialized Training Package) เหมาะสำหรับกลุ่มวิชาเฉพาะ เพื่อให้ได้เครดิตการเรียนรู้ตามหลักสูตรนั้นๆ ตัวอย่างกิจกรรมเช่น
- หลักสูตรการเรียนรู้เรื่องป่าชายเลนและระบบนิเวศ
- การศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ เช่น การตรวจวัดคุณภาพน้ำในแม่น้ำแม่กลอง
- กลุ่มเป้าหมาย: นักศึกษาในสาขาเกษตรศาสตร์ ชีววิทยา หรือสิ่งแวดล้อม
การจัดการเดินทาง/ขนส่งสำหรับเส้นทางการท่องเที่ยว
นอกเหนือจากการพัฒนาแพ็กเกจแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ภายในจังหวัดแล้ว การพัฒนาระบบการเดินทางและขนส่งสาธารณะสำหรับเส้นทางการเรียนรู้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะแม้ว่าจังหวัดสมุทรสงครามจะอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ และสามารถเดินทางได้สะดวก รวมถึงระยะทางระหว่างจุดต่างๆ ภายในจังหวัดก็ไม่ไกลกันนัก แต่หากนักท่องเที่ยวที่ไม่มีพาหนะส่วนตัว (หรือมิได้เช่าเหมารถ) ก็ย่อมไม่สะดวกในการเดินท่องเที่ยวในจังหวัด และคงไม่สามารถเดินทางไปท่องเที่ยวหลากหลายจุดในจังหวัดได้
เพราะฉะนั้น Think Forward Center จึงเสนอแนวทางพัฒนาระบบการเดินทาง/ขนส่งเพื่อการท่องเที่ยวในจังหวัดสมุทรสงคราม ใน 4 ระบบ ด้วยกัน คือ
- การเดินทางตามแพ็กเกจ (on package) ที่ได้ระบุไว้ข้างต้น โดยมีระบบการขนส่งที่มีระบบการควบคุมมาตรฐานคอยให้บริการ พร้อมกับการให้บริการข้อมูลด้านการท่องเที่ยวไปด้วยในตัว
- การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ (on route) ในเส้นทางหลักของจังหวัด เช่น แม่กลอง-อัมพวา-บางคนที่-บางนกแขวก ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการตามเวลาที่ระบุไว้ และสามารถใช้ตั๋วร่วมเป็นรายวัน ทั้งนี้ ระบบขนส่งสาธารณะนี้ อาจใช้พาหนะร่วมกัน ในการให้บริการนักเรียนในวันจันทร์-ศุกร์ และมาเพิ่มบริการให้นักท่องเที่ยวในวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดต่างๆ
- การเดินทางเพื่อการท่องเที่ยวแบบเฉพาะจุด (on point) ซึ่งมักจะมีดำเนินการอยู่บางจุดแล้ว เช่น การนั่งเรือชมหิ่งห้อย การนั่งเรือชมลำคลอง ซึ่งทาง อบจ. สมุทรสงคราม สามารถเข้ามาช่วยดูแลและพัฒนามาตรฐานการให้บริการให้ดียิ่งขึ้น และเชื่อมโยงกับการเดินทางรูปแบบ อื่นๆ ให้สะดวกขึ้น ผ่านแอพพลิเคชั่น (ซึ่งจะกล่าวถึงต่อไป)
- การเดินทางแบบจุดต่อจุด (dot-to-dot) ผ่านระบบแอพพลิเคชั่น เพื่อช่วยให้นักท่องเที่ยวเดินทางจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง คล้ายกับการจองผ่านแอพพลิเคชั่นล่วงหน้า คล้ายการจองแท็กซี่ โดยผู้ให้บริการจะเป็นคนจังหวัดสมุทรสงครามที่ผ่านการฝึกอบรมทั้งด้านความปลอดภัย การให้บริการ และข้อมูลการท่องเที่ยวภายในจังหวัด ซึ่งผู้ที่ให้บริการในระบบนี้ ก็สามารถเป็นผู้ให้บริการในระบบแพ็กเกจหรือเฉพาะจุดได้ด้วย นอกจากนั้น แอพพลิเคชั่นที่พัฒนาขึ้นยังสามารถใช้งานร่วมกับระบบขนส่งสาธารณะ (หรือ on route) ได้ด้วย
สรุป : ท้องถิ่นทำได้ ! จัดการท่องเที่ยวสมุทรสงครามอย่างสร้างสรรค์
จังหวัดสมุทรสงครามจึงเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพสูงมากในการพัฒนาการท่องเที่ยวแนวแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ ดังเช่นที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เคยมีพระราชหัตถเลขาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสมณฑลราชบุรี ร.ศ.128 (พ.ศ. 2452) หรือเมื่อร้อยกว่าปีแล้วว่า
“เมืองสมุทรสงครามนี้ ท่วงทีภูมิฐานเหมือนอย่างกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก แถบคลองบางใหญ่ บางคูเวียง มีทางทีจะเที่ยวซอกแซกได้มาก ถ้าจะลงเรือเล็กไปเที่ยวจะไปได้หลายวัน”
สยามินทร์ 10 กันยายน ร.ศ.128 (พ.ศ.2452)
หากการพัฒนาแหล่งเรียนรู้สร้างสรรค์ทำได้สำเร็จ ก็จะมีประโยชน์สำคัญในการกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวอย่างทั่วถึงทั้งจังหวัดสมุทรสงคราม อีกทั้งยังช่วยเป็นแรงสนับสนุนสำคัญในการอนุรักษ์ภูมิปัญญา และระบบนิเวศวัฒนธรรมแบบระบบนิเวศสามน้ำ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของจังหวัดสมุทรสงครามเอาไว้ได้ด้วย
เพราะฉะนั้น จังหวัดสมุทรสงคราม โดยเฉพาะองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสงครม จึงควรทุ่มเทพัฒนาบุคลากร เนื้อหา สื่อ แหล่งเรียนรู้ สิ่งอำนวยความสะดวก ระบบการเดินทาง และแพ็คเกจการท่องเที่ยว ที่ตรงกับนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่มให้มากที่สุด