พนิดา มงคลสวัสดิ์
ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สมุทรปราการ เขต 1 พรรคก้าวไกล
บ้านที่มั่นคง ในนิยามของแต่ละคนอาจจะแตกต่างกันออกไป แต่นั่นคงไม่ใช่บ้านที่รอวันถูกไล่รื้อ หรือต้องอยู่แบบกังวลว่าจะถูกไล่ที่เมื่อไหร่แน่ๆ ซึ่งข้อมูลที่ได้รับทราบมาประมาณการณ์ว่า ในจังหวัดคนสมุทรปราการเองก็มีไม่น้อยกว่า 4,000 ครัวเรือน ที่ยังไม่มีบ้านที่มั่นคง
ปัญหาสำคัญที่ทำให้คนจนเมืองไม่สามารถมีบ้านได้ คือ บ้านในเมืองราคาแพง (ตามราคาที่ดิน) และคนจนเมืองไม่สามารถยื่นกู้ได้ เพราะไม่มีฐานเงินเดือน หรือตัวเลขการเดินบัญชี (Statement) ที่สถาบันการเงินต้องการ
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. จึงแก้ปัญหาโดยใช้วิธีออมเงินผ่านสหกรณ์บริการ และเมื่อยอดการออมถึง 10% ของราคากู้ ก็จะมาทำสัญญาเงินกู้กันระหว่าง สหกรณ์ – พอช. เอาเงินไปปลูกบ้านตามโครงการบ้านมั่นคง โดยให้ชุมชนร่วมกันสร้างบ้านของคนชุมชนในราคาถูก ทำให้คนจนสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง
ปัจจุบัน พอช. ดำเนินการบ้านมั่นคงไปแล้ว 1,400 โครงการ จำนวน 120,000 หลังคาเรือนทั่วประเทศ นอกจากการมีบ้านเป็นของตนเองแล้ว โครงการบ้านมั่นคงยังเน้นการสร้างชุมชนให้เข้มแข็ง และส่งเสริมระบบการออม และระบบสวัสดิการและการพัฒนาคุณภาพชีวิต ตามแนวคิด “สร้างบ้านที่มากกว่าคำว่าบ้าน”
ประเด็นนี้นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะในความเป็นจริงการสร้างชุมชนที่เข้มแข็งยากกว่าการสร้างบ้านมาก เพราะฉะนั้น การสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคงจึงเท่ากับไม่ใช่สร้างแค่บ้าน แต่เป็นการสร้างชุมชนไปพร้อมกันด้วย ดังที่พี่น้องในโครงการบ้านมั่นคงที่สมุทรปราการได้กล่าวว่า “เราสร้างชุมชน ไม่ใช่บ้าน เราเพียงใช้บ้านเป็นเครื่องมือ”
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (หรือ TDRI) ได้พบว่า การมีบ้านในโครงการบ้านมั่นคง ได้ช่วยให้สมาชิกมีหนี้สินน้อยลง มีการลงทุนเพิ่มมากขึ้น มีรายได้เพิ่มมากขึ้น และลูกหลานได้รับโอกาสทางการศึกษามากขึ้น
เพราะฉะนั้น พรรคก้าวไกล จึงได้เสนอนโยบาย “บ้านตั้งตัว” ซึ่งเป็นหนึ่งในสวัสดิการไทยก้าวหน้า นโยบาย “บ้านตั้งตัว” รัฐบาลจะช่วยผู้มีรายได้น้อย ผ่อนบ้าน 2,500 บาท/เดือน และ ช่วยจ่ายค่าเช่าบ้าน 1,000 บาท/เดือน ซึ่งนโยบายบ้านตั้งตัวนี้สามารรถนำมาใช้ในการสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคงทั่วประเทศได้เป็นอย่างดี
ตัวอย่างเช่น สำหรับสหกรณ์บ้านมั่นคงที่เพิ่งจดจัดตั้ง รวมจนถึง ชุมชนที่เพิ่งกู้เงินกับ พอช.แล้ว ไม่เกิน 5 ปี : เมื่อได้รับเงินสมทบไม่เกิน 2,500 บาท/เดือน เป็นระยะเวลา 5 ปี ก็จะสามารถสร้างบ้านได้เร็วขึ้น และผ่อนชำระหนี้ได้เร็วขึ้นด้วย
นั่นแปลว่า นอกจากจะช่วยให้คนจนมีบ้าน ชุมชนสามารถสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง การช่วยผ่อนชำระค่าบ้าน ยังมีส่วนช่วยให้ พอช. ขยายโครงการบ้านมั่นคงได้เร็วขึ้นด้วย
ส่วนชุมชนที่กู้เงินกับ พอช.แล้ว เกิน 5 ปี พรรคก้าวไกลยังมีนโยบายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนโดยติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ ตามแนวทาง “บ้านที่มากกว่าบ้าน” ขนาด 3 กิโลวัตต์ (งบประมาณ 120,000 บาท/หลัง) ประหยัดค่าใช้จ่าย/มีรายได้ค่าไฟฟ้าประมาณ 1,800 บาท/เดือน ซึ่งสามารถช่วยให้ชุมชนลดค่าใช้จ่ายของครัวเรือนลงได้ และสามารถผ่อนชำระค่าบ้านได้มากขึ้น รวมถึงสามารถนำรายได้เป็นสวัสดิการหรือพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของชุมชนได้ดีขึ้นด้วย
นอกจากนี้ อีกมาตรการหนึ่งที่สำคัญมากคือ การเข้าถึงที่ดินของรัฐ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญในการสร้างโครงการบ้านมั่นคง เพราะฉะนั้น พรรคก้าวไกล จะช่วยผลักดันให้นำที่ดินของรัฐบาลที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เช่น ที่ดินทหาร หรือที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า มาสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนที่ยังไม่มีที่อยู่อาศัย หรือไม่มีความมั่นคงในที่อยู่อาศัย
พรรคก้าวไกลเชื่อว่า สวัสดิการพื้นฐาน ความมั่นคงในชีวิต และการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นรากฐานสำคัญของระบอบประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น การสนับสนุนให้ทุกคนสามารถมีบ้านเป็นของตนเอง มีชุมชนที่เข้มแข็ง จะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน ของเมือง และของประเทศในภาพรวมได้